เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม กลุ่มฮามาสได้โพสต์วิดีโอจากโรงพยาบาลในกาซา ลงในช่องเทเลกรามของตน ภาพนั้นเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ มีเด็กปาเลสไตน์ที่ตัวถูกปกคลุมด้วยฝุ่น ร่างกายสั่นสะท้าน มีเลือดไหลซึมลงมาจากใบหน้า บางคนขาดส่วนต่างๆ ของร่างกาย บางคนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป ในหนึ่งฉากพยาบาลพันเด็กทารก 4 คนที่ไร้วิญญาณเข้าด้วยกันด้วยผ้าพันแขนสีเช็ค เป็นผลจากการโจมตีต่อเนื่องของอิสราเอลต่อกาซา
วิดีโอที่โพสต์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมนั้นตามมาจากการบันทึกภาพที่ต่างกันออกไปที่ถูกเผยแพร่โดยฮามาส 17 วันก่อนหน้านั้น เมื่อกําลังของฮามาสบุกเข้ามาในพื้นที่ใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พวกเขาได้ถ่ายทอดสดการฆ่าคนมากกว่า 1,400 คนในอิสราเอล ด้วยการใช้มือถือและกล้อง GoPro ติดตัว พวกเขาบันทึกการฆ่าผู้หญิง ผู้เยาว์ และผู้สูงอายุ การลักพาตัวผู้เข้าร่วมเทศกาลเพลง และการกระทําที่โหดร้ายอื่นๆ ในหนึ่งวิดีโอที่ถูกปล่อยโดยกองทัพอิสราเอล มีภาพนักรบฮามาสพยายามตัดศีรษะผู้ถูกฆ่าด้วยโซ่ขุด
ถ้าดูรวมกัน วิดีโอเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การใช้สื่อสังคมออนไลน์ใหม่ของฮามาส ด้านหนึ่งพวกเขายังคงพยายามนําเสนอตัวเองเป็นเสียงของประชาชนปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก อีกด้านหนึ่งด้วยการบันทึกและเผยแพร่ความโหดร้ายของการโจมตีของตนเอง ฮามาสพยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็นกลุ่มต่อต้านที่เข้มแข็งในตะวันออกกลาง ตามที่ผู้นําฮามาสและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติกล่าว
วิธีการนี้เป็นเรื่องใหม่ ถึงแม้ว่าฮามาสจะใช้การก่อการร้ายเป็นเครื่องมือมานานแล้ว แต่การเผยแพร่การโจมตีต่อพลเรือนของตนเองนั้นขัดแย้งกับข้อความที่ฮามาสส่งไปยังโลกตะวันตกมาก่อนหน้านี้ตามที่ Devorah Margolin นักศึกษาการก่อการร้ายจากสถาบันวอชิงตันกล่าว
ตั้งแต่ก่อตั้งในปลายทศวรรษ 1980 เป็นสาขาขององค์กรมุสลิมนิกายซุนนีในปาเลสไตน์ ฮามาสได้มีบุคลิกภาพที่หลากหลาย ต่อหน้าประชาชนปาเลสไตน์ ฮามาสได้นําเสนอตัวเองเป็นกลุ่มที่ให้ความสําคัญกับการต่อต้านอิสราเอลอย่างรุนแรง รองลงมาคือบทบาทในการเป็นรัฐบาลของฉนวนกาซา ซึ่งฮามาสได้ยึดอํานาจมาจากการปกครองของกลุ่มฟาตัห์ในปี 2557
เมื่อฮามาสได้นําสื่อสังคมออนไลน์มาใช้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อความเหล่านั้นก็ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนาตามสถานการณ์ใหม่ๆ บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ใหญ่ๆ เช่น Facebook, Instagram และ Twitter ได้ลบบัญชีตัวแทนของฮามาสออก เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ จัดฮามาสเป็นองค์กรก่อการร้าย แต่ก่อนหน้านี้ ฮามาสยังคงมีฐานบนแพลตฟอร์มเทเลกรามซึ่งมีการควบคุมเนื้อหาน้อยกว่า โดยอาศัยตัวแทนเผยแพร่เนื้อหาเชิงประชานิยมและต่อต้านอิสราเอลบนแพลตฟอร์มยอดนิยมเช่น TikTok และ Instagram
ตั้