“ชาย” เล่าเบื้องหลังบท “พ่อเกรซ” เผยชีวิตครอบครัวต้องแลกมาด้วยคราบน้ำตา

ดังเป็นพลุแตกสุดๆ สำหรับการถ่ายทอดบทบาท LGBTQ เป็น “พ่อเกรซ” ในละครเนื้อหากินใจ “มาตาลดา” จนทำให้นักแสดงมากฝีมือ ชาย ชาติโยดม ถูกพูดถึงสนั่นโซเชียล งานนี้ตั้งโต๊ะเคลียร์แบบเจาะลึก ผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา เผยเบื้องหลังความสำเร็จแอบซุ่มฝึกแอ็กติ้งอ่านบทขณะปฏิบัติกิจในห้องน้ำ พร้อมเปิดใจการบาลานซ์งานกับชีวิตครอบครัว ที่กว่าจะจัดสรรได้ลงตัวต้องแลกมาด้วยคราบน้ำตา

กระแสงานละครดีมาก คนยังชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ?

“หายเหนื่อยมาก ที่สุดแล้ว เพราะมันผ่านอะไรมาเยอะมาก กับการที่ได้เป็นตัวละครตัวนี้ พอได้รับฟีดแบค พอได้เจอคนที่ชื่นชม และชื่นชอบตรงนี้แล้วหายเหนื่อย มันมีค่ามหาศาลมากจริงๆ”

ตอนแรกที่ได้เห็นบทแล้วทำยังไง ตีความยังไง ?

“ชายมักจะอ่านบทตอนเข้าห้องน้ำ (หัวเราะ) เป็นเวลาที่เป็นของเราจริงๆ คือได้อ่านแล้วก็แบบว่า นี้มันคืออะไรเนี้ย มันมหัศจรรย์มาก แล้วชายรู้สึกดีกับมันมาก นั่งคิดอยู่คนเดียวว่าคนอื่นจะรับรู้มั้ยว่ามันมีค่ามากตรงนี้ เหมือนเฝ้ารอดูว่าระหว่างถ่ายทำ มันก็เห็นสิ่งมหัศจรรย์เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ลุ้นอยู่ตลอดว่าตอนตัดต่อ ออกอากาศคนดูจะชอบมั้ย เค้าจะอินไปกับด้วยหรือเปล่า”

ทำไมช่วงหลังๆ รับแต่บท LGBTQ ตลอด กดดันบทต่อๆไ ปมั้ย ?

“ไม่เลยไม่กดดัน ยังรับทุกงานลูกยังเล็กอยู่ ทุกวันที่ออกจากบ้านมาทำงานทุกวัน เพราะว่าลูกยังเล็ก เราต้องตั้งใจให้ชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกให้ได้ ชายยังมีความตื่นเต้นกับทุกบทบาทที่เข้ามาตลอดเลย มันมีอะไรที่ยังอยากทำอีกเยอะ อย่างเราอยู่ในวงการมา 20-30ปี ตอนที่เราได้บทพ่อเกรซ เราก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยทำ น่าจะมีอะไรท้าทายเข้ามาอีก”

ช่วงที่ทำงานเยอะแบ่งเวลายังไง เห็นว่าติดลูกมาก ?

“เราเป็นคนติดลูกมาก แต่มันย้อนแย้งนิดนึง คือด้วยความที่เรามีลูกก็อยากจะดูแลเค้าให้ดี เราก็ต้องออกไปทำงาน ทำมาหากินอะไรแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันการออกไปข้างนอกเราเลยไม่มีโอกาสได้เห็นเค้าเติบโต ได้ใช้เวลาอยู่กับเค้า ถ้าช่วงที่ชายจัดแจงเวลาได้ส่วนนึง กลับมาถึงบ้านชายจะพาลูกเข้านอน เคยหนักสุดตอนทำงาน 7วัน ต่อเนื่องกันเป็นเดือนแล้วไม่เจอลูกน้อยเลย

กลายเป็นว่าชายทำงานไม่ได้เลย ชายไปเจออาจิ๋มผู้จัด ชายไปนั่งร้องไห้กับอาจิ๋มเลย คือตอนนั้นชายไม่ไหวแล้ว เรารับงานเยอะจนไม่มีเวลาอยู่กับเค้า อาจิ๋มเลยบอกว่าคนเค้าไม่ว่าหรอก ถ้าเราจะเก็บเวลาไว้ซักวันนึง เพื่อที่จะได้อยู่กับครอบครัวบ้าง ก็ไม่ผิด แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรารับงานเค้ามาแล้ว เราก็เลยอยากทำให้เค้าเต็มที่ ตอนนี้ก็เลยปรับมาเหลือ 1วันที่ต้องหยุดให้กับครอบครัว”