เจนีวา — ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกชาย 2034 หลังสหพันธ์ฟุตบอลออสเตรเลียตัดสินใจถอนตัวออกจากการประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพ
ฟีฟ่ากําหนดวันอังคารนี้เป็นวันสุดท้ายสําหรับการยื่นขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่การตัดสินใจถอนตัวของออสเตรเลียทําให้ซาอุดีอาระเบียเหลือเป็น ผู้สมัครเพียงรายเดียว ในการเป็นเจ้าภาพ
“เราได้ศึกษาโอกาสในการยื่นขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกฟีฟ่า และหลังพิจารณาปัจจัยต่างๆ แล้ว เราตัดสินใจว่าไม่จะยื่นขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันปี 2034” Football Australia กล่าวในแถลงการณ์
ฟีฟ่ายังต้องอนุมัติให้ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ — ซึ่งคาดว่าจะตัดสินใจในปีหน้า — แต่ชัยชนะของประเทศนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องของการตัดสินใจเท่านั้นสําหรับประเทศผู้มีน้ํามันเป็นทรัพยากรหลักนี้ ซึ่งได้ใช้งบประมาณจํานวนมากในการดึงดูดนักเตะชื่อดังมาร่วมทีมในลีกภายในประเทศ ซื้อสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลในอังกฤษ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหม่ LIV และจัดการแข่งขันมวยใหญ่ๆ
โครงการกีฬาของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับอนุมัติจากเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน ได้รับการบรรยายว่าเป็นการทํากีฬาเพื่อลบภาพลักษณ์ของประเทศซึ่งมักถูกเชื่อมโยงกับสิทธิสตรีและการฆาตกรรมนักหนังสือพิมพ์จามัล คาชอกกีในปี 2561
ประธานฟีฟ่า จีอานนี อินฟานตีโน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฟุตบอลซาอุดีอาระเบียและเจ้าชายมุฮัมหมัดโดยตรง และเคยถูกมองว่า พยายามนําการแข่งขันของฟีฟ่าไปสู่ราชอาณาจักร เป็นส่วนใหญ่
เมื่อ มอบสิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ให้กับการร่วมสมัครของสเปน ปอร์ตูกัล และโมร็อกโก ซึ่งจะมีการแข่งขันในอเมริกาใต้ด้วย ฟีฟ่าได้ตัดสินใจเร่งการแข่งขันเพื่อหาประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยจํากัดผู้สมัครเฉพาะสมาคมฟุตบอลในเอเชียและโอเชียเนีย
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศของฟีฟ่า สมาคมฟุตบอลซาอุดีอาระเบียก็ประกาศว่าพวกเขาสนใจ และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งรวมถึงออสเตรเลียด้วย ได้ให้การสนับสนุนให้ราชอาณาจักรนี้นําฟุตบอลโลกกลับมายังตะวันออกกลางอีกครั้งหลังการจัดการแข่งขันที่กาตาร์ในปี 2565
กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลสโมสรฟุตบอลยุโรป ทําให้ต้องจัดการแข่งขันในช่วงฤดูร้อนเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนจัด และคาดว่าการแข่งขันของซาอุดีอาระเบียน่าจะถูกเลื่อนจากเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมด้วยเช่นกัน
สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียเคยแสดงความสนใจในการร่วมสมัครกับออสเตรเลีย โดยอาจร่วมกับมาเลเซียและสิงคโปร์ด้วย แ