เมื่อจีนตรวจพิจารณาขบวนการเฟมินิสต์ในประเทศ นักวิชาการเฟมินิสต์ชาวญี่ปุ่นวัย 75 ปีกลายเป็นหนังสือขายดี

China Feminism

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมค่านิยมทางสังคมที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น โดยสนับสนุนให้ผู้หญิงให้ความสําคัญกับการเลี้ยงดูบุตร รัฐบาลจีนได้ปราบปรามขบวนการภาคประชาสังคม และออกกฎหมายเพื่อขับไล่อิทธิพลต่างชาติ

ดังนั้น นักวิชาการนิยมสตรีชาวญี่ปุ่นวัย 75 ปีที่ไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตร จึงเป็นเซเลบริตี้ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้บนอินเทอร์เน็ตของจีนที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด

แต่ ชิซึโกะ เอะโนะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณจากมหาวิทยาลัยโตเกียว กลับเป็นปรากฏการณ์ นางกระโดดขึ้นสู่ความนิยมในจีนในปี 2019 ด้วยการกล่าวสุนทรพจน์วิพากษ์วิจารณ์ความคาดหวังทางสังคมสําหรับผู้หญิงให้มีพฤติกรรมน่ารัก และแรงกดดันที่พวกเธอเผชิญให้ปิดบังความสําเร็จของตน

Chizuko Ueno, sociologist in women's studies

ความนิยมของเอะโนะสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของความสนใจในสิทธิสตรี ตามที่ เลตา หง ฟินเชอร์ นักวิจัยที่สถาบันศึกษาตะวันออกเอเชีย Weatherhead กล่าว เธอเขียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเพศและลัทธินิยมสตรีในจีน

เอะโนะไม่ได้เขียนเกี่ยวกับจีน และนั่นอาจเป็นเหตุผลหลักว่าทําไมหนังสือของเธอจึงหลุดพ้นการเซ็นเซอร์ หง ฟินเชอร์ กล่าว

แนวคิดนิยมสตรีไม่ได้ถูกห้ามในจีน แต่เจ้าหน้าที่มองกิจกรรมทั้งหมดด้วยความสงสัย หง ฟินเชอร์ กล่าว

ตํารวจมักเรียกเจ้าของร้านหนังสือและคาเฟ่ และกดดันให้พวกเขายกเลิกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับลัทธินิยมสตรี ผู้จัดกิจกรรมและผู้ก่อตั้งหลายคนกล่าวกับสํานักข่าวเอพี ออนไลน์ โพสต์ที่อ้างถึงขบวนการ #MeToo ถูกลบ และบล็อกเกอร์ชาตินิยมโจมตีนักเคลื่อนไหวนิยมสตรีที่มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวแทนต่างชาติ

นักข่าวและนักเคลื่อนไหวชาวจีน หฺวัง ซฺว่เฉิง เป็นผู้ช่วยกระตุ้นกรณี #MeToo ระดับสูงโปรไฟล์แรกของจีน เธอถูกพิจารณาคดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วฐานยุยงปลุกปั่นให้ล้มล้างอํานาจรัฐ ตามสําเนาฟ้องร้องที่เผยแพร่โดยผู้สนับสนุนของหฺวัง เธอถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่บทความ “ยุยงปลุกปั่น” และอํานวยความสะดวกในการฝึกอบรมเกี่ยวกับ “ขบวนการไร้ความรุนแรง”

การประท้วงและรณรงค์ไม่สามารถทําได้อีกต่อไป หลู่ ผิง นักกิจกรรมนิยมสตรีชาวจีนที่พํานักอยู่ในสหรัฐอเมริกา กล่าว ซึ่งหมายความว่าลัทธินิยมสตรีจํากัดอยู่เพียงการกระทํารายบุคคลและกลุ่มเล็กๆ แต่กระแสเอะโนะช่วยรักษาแนวคิดนิยมสตรีให้อยู่ในกระแสหลักที่ “ชอบด้ว