รีวิว GoPro Hero 11 Black สุดยอดกล้องแอชั่นแคม รุ่นล่าสุด ที่ถ่ายดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

กลับมาพบกับรีวิว Gadget สุดล้ำจากทีม Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้ เอาใจคนชอบเที่ยวเพราะเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2022 อย่างที่เคยบนำเสนอไปว่า GoPro เป็นกล้องสายลุยที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกซื้อมาใช้งานกัน

และตอนนี้เดินทางมาถึงรุ่น 11 แล้ว กับความสามารถที่ถูกเติมเต็มมากกว่าเดิม และรอบนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นเช่นเคย ครั้งนี้เราจะมารีวิวเจาะลึกกับ Action Camera ที่ได้ชื่อว่า อยู่ที่ 1 ในใจใครหลายคนกับ GoPro Hero 11 Black พร้อมชุดอุปกรณ์ครบ Creator Edition

รายละเอียดสเปก GoPro Hero 11 Black

  • ขนาดตัวเครื่อง (กว้าง x สูง x ลึก) 8 x 50.8 x 33.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 154 กรัม (รวมกล้อง + Mounting Finder + แบตเตอรี่)
  • ขนาดหน้าจอ : 2.27 นิ้ว (ด้านหลัง), 1.4 นิ้ว (ด้านหน้า)
  • มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่นได้ 100% กันน้ำแบบไม่มี Housing ได้ 10 เมตร
  • ขนาดเซนเซอร์ 1/1.9 นิ้ว
  • ความละเอียดภาพนิ่ง สูงสุด 27 ล้านพิกเซล
  • ความละเอียดวิดีโอ : 3K 60 FPS, 4K 120 FPS และ Full HD
  • อัตราส่วนภาพที่รองรับ : 16:9, 4:3, 8:7
  • ไมโครโฟน : 3 ตัวรอบตัวเครื่อง
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi , Bluetooth, มีระบบเก็บพิกัดของภาพ
  • หน่วยประมวลผล : GP2
  • แบตเตอรี่ : Enduro Battery ขนาด 1720 mAh
  • การเชื่อมต่อ : USB-C
  • การ์ดความจำ : MicroSD Card

แกะกล่อง GoPro Hero 11 Black



สำหรับการรีวิวครั้งนี้เราได้รับ GoPro Hero 11 Black ในชุดจัดเต็มกับ Creator Edition จะประกอบด้วย

  • กล้อง GoPro Hero 11 Black
  • แบตเตอรี่แบบ Enduro ขนาด 1720 mAh
  • สาย USB-C to USB-A ทั้งหมด 2 เส้น (ชุดปกติจะมีแค่ 1 เส้น)
  • Light Mods
  • Media Mods พร้อมฟองน้ำปิดที่ไมโครโฟน
  • อุปกรณ์สำหรับติดกับหมวก 1 ชิ้น
  • ที่ขาสำหรับล็อคอุปกรณ์
  • ด้ามจับพร้อมแบตเตอรี่ หรือ GoPro Volta 1 ชิ้น
  • ตัวติดอุปกรณ์เสริมและฝาสำหรับเสียบ USB-C เพื่อชาร์จไฟตรง อย่างละ 1 ชิ้น

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ GoPro Hero 11 Black

เริ่มต้นกับดีไซน์ของ GoPro Hero 11 Black เมื่อเทียบกับ GoPro Hero 10 Black ใช้คำว่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก โดยด้านหน้ายังคงมีกล้องที่สามารถถอดเลนส์ได้เพื่อใส่ Mods Max ที่เป็นเลนส์แบบ Fish Eye และหน้าจอสามารถเปลี่ยนได้ 4 รูปแบบที่สามารถถ่าย Selfie ได้แน่นอน

ฝั่งซ้ายของเครื่องมีโลโก้ 11 Black พร้อมกับปุ่มเปิดกล้องและเปลี่ยนโหมด

ฝั่งขวาของเครื่องมีช่องใส่แบตเตอรี่ / MicroSD Card และมีช่องเสียบ USB-C โดยฝาสามารถถอดได้ แต่ถ้าต้องลงน้ำแนะนำควรใส่ และถ้าถอดควรเก็บไว้ให้ดี เพราะโอกาสหายมีอยู่มากพอสมควร


ส่วนด้านบนมีปุ่มอัด, ถ่ายภาพ แต่ถ้ากล้องยังปิดอยู่ ถ้ากดจะเป็นการอัดวิดีโอ ส่วนด้านล่างจะเป็นฐานที่สามารถเก็บและหดหายได้เพื่อเสียบกับอุปกรณ์เสริม

ด้านหลังจากมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 2.27 นิ้ว พร้อมกับเป็นจอสีที่คมชัดอย่างมากและยังมีจุดเด่นในระบบทัชสกรีนที่แตะสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว

ภาพรวมการออกแบบนั้นขอสรุปสั้นๆ ถ้าใครใช้ Hero 10 Black และมาเจอ GoPro Hero 11 Black นั้นยังคงไม่ได้แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่ก็มีจุดดีคืออุปกรณ์เสริมใช้ร่วมกับของเดิมได้เลยครับ ส่วนการถ่ายวิดีโอรองรับได้มากถึง 10 เมตร แต่ว่าถ้าต้องลงน้ำลึกกว่านี้ควรจะต้องใส่ Housing Case ที่ต้องซื้อแยก

อุปกรณ์เสริมที่มากมายสำหรับ GoPro

สำหรับอุปกรณ์เสริมของ GoPro Hero 11 Black นั้นสามารถใช้กับรุ่นเดิมได้ทั้งหมดเลยครับ ทั้งนี้ในชุด Creator Edition จะมีให้เลือกใช้ในกล่องด้วยกัน โดยคุณสามารถปรับแต่งได้

  • Light Mods คือไฟที่สามารถกดเปลี่ยนได้ทั้งหมด 4 รูปแบบคือ ความสว่างทั้งหมด 3 ระดับด้วย มาพร้อมกับ กระพริบเป็นไฟขอความช่วยเหลือได้ และชาร์จไฟด้วย USB-C
  • Media Mods พร้อมฟองน้ำปิดที่ไมโครโฟน สามารถต่อกับ Display Mods
  • Display Mods หน้าจอที่สามารถขยายจากจอด้านหลังให้แสดงผลได้คมชัด (ต้องซื้อแยก)
  • อุปกรณ์สำหรับติดกับหมวก 1 ชิ้น ไว้สำหรับติดอุปกรณ์ทั่วไปแต่ชิ้นนี้สามารถซื้อเพิ่มได้และชุดปกติ ก็มีมาให้ด้วย



แต่สำหรับชิ้นที่ผมรู้สึกว่าคุ้มค่าสุดสำหรับชุดนี้คือการแถมด้ามจับพร้อมแบตเตอรี่ หรือ GoPro Volta ไม้อเนกประสงค์ที่ต่อเชื่อมกับ Bluetooth สามารถสั่งงานกล้อง หรือจะเป็นแบตเตอรี่สำรองที่ยืดอายุการใช้งานได้อีกประมาณ 4 ชั่วโมงอยู่นะ และสามารถตั้งกล้องได้ทั้งแบบปกติ หรือจับตั้งด้านข้างข้างก็ได้แล้วแต่คนใช้งานจะสะดวก ทั้งนี้พูดเลยว่า GoPro Hero 11 Black Creator Edition ของแทบจะครบแบบไม่ต้องซื้ออะไรอีกแล้วก็ได้

ลูกเล่นชวนลองใน GoPro Hero 11 Black



การพัฒนาของ GoPro Hero 11 Black นั้นอยู่ที่ภายในมากกว่าภายนอกนั่นคือการเปลี่ยนแปลงชิปมาที่ GP2 ที่สามารถประมวลผลการทำงานได้อย่างดี และมาพร้อมกับเซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าเดิมอยู่ที่ 1/1.9 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ากล้องมือถือบางรุ่นอีกทำให้เก็บรายละเอียดสีได้ 10 bit และมีการปรับอัตราส่วนของภาพ 16:9, 4:3 และ 8:7

พร้อมกับรายละเอียดความละเอียดวิดีโอ 5.3K 60 FPS, 4K 120 FPS และ Full HD ที่ 240 FPS การเก็บภาพเลยทำได้ที่ 27 ล้านพิกเซล เท่ากับใหญ่กว่าเดิม

นอกจากนี้ GoPro Hero 11 Black จะมาพร้อมกับการรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Social Network ที่เหมาะโดยตั้งผ่าน GoPro Quik สามารถปรับได้ทั้ง TikTok, YouTube หรือ Instagram เป็นต้น เนื่องจากภาพสามารถปรับรูปแบบอัตราส่วนได้ ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้จะทำได้แค่รูปแบบอัตราส่วน 16:9 และ 4:3 เท่านั้น

นอกจากนี้ยังมี ฟีเจอร์เหล่านี้คือครั้งแรกที่ติดตั้งใน GoPro Hero 11 Black และรวมถึง GoPro Hero 11 Mini ด้วยประกอบด้วย

  • เทคโนโลยีระบบกันสั่น HyperSmooth 5.0 การันตีด้วยรางวัล Emmy Award พร้อมระบบปรับระดับเส้นขอบฟ้า Horizon Lock 360 องศาในตัว ให้วิดีโอไม่สั่นแม้กล้องจะหมุน 360 องศาระหว่างจับภาพ (สำหรับ GoPro Hero 10 Black สามารถรองรับการทำ Horizon Lock 360 องศา เช่นเดียวกัน) จะสังเกตว่ามี Auto Boost ทำให้ภาพนั้นนิ่งมากขึ้น
  • เลนส์ดิจิตอล HyperView แบบ Hyper-Immersive ให้มุมมองภาพ 16:9 กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกล้อง HERO สำหรับจับภาพเคลื่อนไหวสูง นอกจากนี้ยังมาพร้อมเลนส์ SuperView เอกลักษณ์ของ GoPro ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 5.3K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
  • โหมด Night Effect Time Lapse ใหม่ 3 โหมด ถ่ายวิดีโอ Star Trails, Light Painting, และ Vehicle Light Trails ใช้งานง่ายเพียงแค่เลือก Preset ใน Night mode เพื่อสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพระดับมืออาชีพได้ง่ายๆ
  • โหมด TimeWarp 3.0 ที่ความละเอียด 5.3K ให้ถ่ายวิดีโอความละเอียดชัดขึ้นแบบก้าวกระโดด 91% จาก 4K หรือ 665% จาก 1080p เท่ากับในเรื่องการถ่าย Timelapse ที่ทำได้เลยครับ
  • โหมด Easy และ Pro ควบคุมกล้องง่ายขึ้น โดยโหมด Easy ให้การถ่ายวิดีโอง่ายกว่าที่เคย ด้วยเซ็ตติ้งที่ดีที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์ ในขณะที่โหมด Pro ปลดล็อกทุกฟีเจอร์ของกล้อง HERO11 สำหรับการถ่ายวิดีโอสร้างสรรค์สูงสุด

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาเกี่ยวกับการถ่ายภาพหรือ Timelapse, สั่งงานด้วยเสียง, RAW, SuperPhoto HDR และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ Apps GoPro Quik ที่นอกจากดาวน์โหลดภาพแล้วยังสามารถเก็บภาพผ่าน Cloud แบบไม่จำกัดถ้าสมัครสมาชิก รวมไปถึง สามารถตัดต่อวิดีโอผ่าน Quik ในโปรแกรมเดียวกัน โดยเลือกว่าจะลง Social Network อะไรก็ได้ ภาพจะถูกจัดให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แถมยังสามารถอัปเดต Firmware ของตัวกล้องได้

ภาพจากกล้อง GoPro Hero 11

 






แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

ในส่วนของแบตเตอรี่ GoPro Hero 11 Black จะมีขนาดเท่ากับ GoPro Hero 10 Black แต่ว่าจะได้แบตเตอรี่สีขาว หรือ GoPro จะเรียกว่า Enduro Battery จะมีอายุการใช้งานที่ยาวกว่าและทนทานกับความร้อนมากกว่า ความจุ 1720 mAh หรือเมื่อเทียบกับปกติ 38% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่สีฟ้าของ Hero 10 Black

เมื่อทดลองใช้งานจริงพบว่า สามารถใช้ถ่ายวิดีโอได้ราวๆ 137 นาที แต่คำแนะนำในการใช้งานกล้อง GoPro Hero 11 ในการถ่ายวิดีโอยาวๆ ควรจะพา GoPro Volta เพราะจะยืดอายุได้ประมาณหนึ่ง

ส่วนการชาร์จไฟสามารถเสียบชาร์จได้ตรงกับช่องเสียบ USB-C แต่ต้องเปิดฝาด้านข้างขวา

สรุปหลังใช้งาน GoPro Hero 11 Black มาสักระยะเวลาหนึ่ง

มาสรุปกันดีกว่าหลังจากที่เห็นทั้งหมดต้องบอกว่า การพัฒนาของ GoPro Hero 11 Black แม้ว่าจะเห็นความแตกต่างจากรุ่นที่แล้วอย่าง Hero 10 Black ต่างกันอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา ถ้าเป็นคนที่ต้องการกล้องจิ๋วที่ภาพคมชัดทุกสภาพแสง และการถ่ายวิดีโอนิ่งราวกับมี Gimbal และรวมถึง อุปกรณ์ครบไว้สร้างผลงานวิดีโอหรือ VLOG ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง นี่เป็นอีก Gadget ที่ไม่ควรพลาด

แม้ราคาที่กำลังจะเห็นต่อไปนี้จะดูสูง แต่มันก็ตามคุณสมบัติของกล้องที่จัดมาเต็มกว่ารุ่นเดิมแบบเห็นได้ชัด (เว้นแต่คุณจะใช้ Hero 10 Black อยู่)

สำหรับตัวเลือกของ GoPro Hero 11 Black ในประเทศไทยพร้อมราคามีดังนี้

  • GoPro Hero 11 Black ราคา 18,500 บาท
  • GoPro Hero 11 Black Creator Edition มาพร้อมกับอุปกรณ์ถ่ายภาพเช่นแบตเตอรี่กริบ, LED และ Mic ราคา 26,000 บาท >> ชุดที่เราได้ทดลอง
  • GoPro Hero 11 Mini ราคา 15,000 บาท

เห็นราคาแบบนี้แล้ว เลือกแบบไหนดีล่ะครับ คำตอบขอแบ่งออกเป็นข้อๆ ดังนี้

  • สายประหยัด แนะนำเป็น GoPro Hero 11 Black และซื้ออุปกรณ์เสริมตามที่ต้องการจะใช้งานดีกว่า
  • สายงบเหลือ หรือ สายเผื่อ แนะนำ GoPro Hero 11 Black Creator Edition เพราะได้ทุกอย่างจบและเผลอๆ ราคาหารออกมาแล้วถูกกว่าถ้าต้องการซื้ออุปกรณ์ครบเซ็ต
  • ต้องการกล้องเสริมแต่คุณสมบัติถอดลงมา GoPro Hero 11 Mini เป็นคำตอบที่ดี

แต่อย่างไรก็ตาม GoPro รุ่นก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น Hero 8, Hero 9, Hero 10 ยังคงวางจำหน่ายอยู่เช่นเคยเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากจะใช้งานกล้องแนวนี้

ปิดท้ายจริงๆ ล่ะครับสำหรับรีวิวของกล้อง GoPro Hero 11 Black Creator Edition มันคือ กล้องแอคชั่น สายเผื่อเหลือเผื่อขาด มีตัวเดียวครบจบในชุดเดียว ถ้า งบประมาณคุณ สู้ไหว ก็อยากให้ลองพิจารณาดูสักครั้งก็ยังดีครับ

จุดเด่น

  • ขนาดพกพาง่าย
  • ถ่ายภาพสวยและชัดมาก
  • ความละเอียดวิดีโอสูง
  • ระบบกันสั่นยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
  • อุปกรณ์เสริมเยอะมาก
  • การเชื่อมต่อ Apps ทำได้ง่าย
  • ความเร็วกล้องไม่หน่วง
  • แบตเตอรี่ Enduro อึดมากกว่าเดิม

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์แยกความแตกต่างจากรุ่นที่แล้วยาก
  • ราคาค่อนข้างสูง