
เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ธนาคารในเอเชียต้องปรับการปล่อยสินเชื่อในภาคอาหารและเกษตรให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศและธรรมชาติ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN SDGs) รวมถึงความคาดหวังของนักลงทุน
BANGKOK, Nov 26, 2025 – (ACN Newswire) – องค์กร Asia Research & Engagement (ARE) เผยแพร่รายงาน Protein Transition Bank Benchmark 2025 ซึ่งเป็นการประเมินครั้งแรกว่าธนาคารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียได้เริ่มบูรณาการข้อพิจารณาด้านอาหารและเกษตรกรรมที่ยั่งยืนเข้าไว้ในกรอบการจัดสรรเงินทุนของตนอย่างไร
ภายใต้ชื่อรายงาน “Banking Asia’s Protein Transition: Financing the Shift Towards Responsible and Sustainable Food and Agriculture Systems” การศึกษาฉบับนี้ได้ประเมินธนาคารจำนวน 24 แห่งในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย โดยนำเสนอภาพเปรียบเทียบด้านระดับความพร้อมของสถาบันการเงินในการรับมือกับความเสี่ยงและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านทางด้านโปรตีน โดยผลการประเมินอ้างอิงจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
เสริมสร้างความเข้าใจเพื่อสนับสนุนระบบอาหารที่ยั่งยืนและสามารถปรับตัวได้
คุณเคท บลาสแซค (Kate Blaszak) ผู้อำนวยการด้านการเปลี่ยนผ่านโปรตีน แห่ง Asia Research & Engagement (ARE) กล่าวว่า “ภาคอาหารและเกษตรเริ่มกลายเป็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเงิน ความยืดหยุ่นของระบบ และผลลัพธ์ด้านมนุษยธรรมและความยั่งยืนในเอเชียมากขึ้นเรื่อย ๆ รายงานดัชนีฉบับนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับธนาคาร ในการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกันในภาคส่วนนี้ พัฒนาศักยภาพการในการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และยกระดับการทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อต่อยอดโอกาสใหม่ ๆ สู่ระบบอาหารที่ยั่งยืน”
ภาพรวมระดับภูมิภาค: สัญญาณเริ่มต้นของแรงส่ง
แม้ว่าความก้าวหน้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ รายงานพบว่าธนาคารในภูมิภาคเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเกษตร ตลอดจนความสำคัญของระบบอาหารที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลง
– สิงคโปร์ — ธนาคารมีกรอบการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยธนาคาร DBS, UOB และ OCBCได้นำหลักการยกเว้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่ามาใช้ ขั้นตอนต่อไปของธนาคารคือการเพิ่มความโปร่งใส โดยแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าและใช้ระบบเลี้ยงสัตว์แบบปลอดกรง รวมถึงการเพิ่มการจัดสรรเงินทุนยั่งยืนให้กับภาคส่วนนี้
– มาเลเซีย — ธนาคาร CIMB และ Maybank ได้มีการสนับสนุนการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองธนาคารยังมีโอกาสเสริมบทบาทผู้นำในพอร์ตสินเชื่อปศุสัตว์ โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ด้านการปกป้องธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดการไม่ตัดไม้ทำลายป่าสำหรับวัตถุดิบอาหารสัตว์ ตลอดจนบูรณาการหลักการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบและนำหลักสวัสดิภาพสัตว์มาประกอบในการปล่อยสินเชื่อ
– ไทย — ธนาคารกสิกร กรุงไทย และ ไทยพาณิชย์ มีการดำเนินการเบื้องต้นที่สอดคล้องกับการเติบโตของภาคโปรตีนจากพืชและอาหารแห่งอนาคตของประเทศ สนับสนุนวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก (Kitchen of the World)” โดยมีโอกาสที่จะแสดงบทบาทผู้นำด้านโปรตีนทางเลือกและวิธีการผลิตอาหารที่มีความเป็นมนุษยธรรมมากขึ้น
– อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ — ทั้งสองประเทศเผชิญความเสี่ยงสูงจากสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และปัจจัยด้านเกษตรอื่น ๆ อาทิ ธนาคาร BCA, Mandiri และ BDO Unibank ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการบูรณาการกรอบความยั่งยืนสำหรับภาคส่วนนี้ โดยที่สามารถเสริมสร้างความเข้าใจและนำแนวทางการเงินภาคเกษตรที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นมาใช้ได้มากขึ้น
– อินเดีย — ธนาคาร ICICI มีความก้าวหน้าด้านการเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศสำหรับภาคอาหารและเกษตร อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วธนาคารในอินเดียยังไม่ครอบคลุมประเด็นการตัดไม้ สวัสดิภาพสัตว์ หรือการใช้ยาปฏิชีวนะในเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ เมื่อภาคอาหารและเกษตรถูกระบุให้เป็น ภาคส่วนสินเชื่อบุริมสิทธิ (Priority Lending Sector) จึงมีโอกาสที่ภาคส่วนนี้จะสามารถยกระดับกรอบการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางโภชนาการและความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศของประเทศได้
สัญญาณระยะเริ่มต้นเริ่มปรากฏ แต่ยังคงมีช่องว่างในประเด็นสภาพภูมิอากาศ ธรรมชาติ และโปรตีน
– สภาพภูมิอากาศ: มีเพียงสองธนาคารที่เริ่มบูรณาการภาคอาหารและเกษตรสู่กลยุทธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญในระยะเริ่มต้นสำหรับภาคส่วนที่เส้นทางลดการปล่อยคาร์บอนยังอยู่ในช่วงการพัฒนา ทั้งนี้ ภาคอาหารและเกษตรเป็นทั้งผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับสูง และเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
– สวัสดิภาพสัตว์ : ธนาคารสามแห่งได้กล่าวถึงสวัสดิภาพสัตว์ในกรอบการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ซึ่งสะท้อนสัญญาณแรกของการตระหนักรู้ในประเด็นนี้ แนวทางพัฒนาที่ชัดเจนคือการกำหนดมาตรฐานที่วัดผลได้ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินสำหรับระบบเลี้ยงสัตว์แบบปลอดกรง (cage-free) เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าเชิงปฏิบัติ
– การใช้ยาปฏิชีวนะ: ธนาคาร UOB ของสิงคโปร์แสดงการตระหนักถึงความจำเป็นของการจัดการการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบ การยกระดับประเด็นนี้ให้เป็นหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในกระบวนการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ จะช่วยเสริมความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและสนับสนุนความปลอดภัยด้านอาหาร
– ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ: ธนาคาร DBS, UOB และ CIMB ได้มีการปรับนโยบายให้สอดคล้องกับ Kunming–Montreal Global Biodiversity Framework แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขยายขอบเขตความสอดคล้องนี้ไปยังการปล่อยสินเชื่อในภาคอาหารและเกษตร รวมถึงการนำเกณฑ์การยกเว้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าเข้ามาใช้ในทางปฏิบัติ
– โปรตีนจากพืช: ธนาคาร DBS, Maybank และ กรุงไทย ได้มีการริเริ่มผนวกโปรตีนจากพืชและโปรตีนทางเลือกเข้าไว้ในกรอบงานการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านและการเงินเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตเร็วสู่การเป็นตลาดอาหารแห่งอนาคต
อนาคตข้างหน้า: การจัดสรรเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านโปรตีนของเอเชีย
ARE เน้นย้ำถึงความสำคัญของอาหารและเกษตรต่อเศรษฐกิจเอเชีย และความจำเป็นที่ธนาคารต้องเตรียมวางแผนเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากโอกาสด้านเงินทุนเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืนของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากพืช อาหารสัตว์ที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า วิธีการผลิตที่มีมนุษยธรรมและเน้นธรรมชาติ
สถาบันการเงินสามารถเรียนรู้จากคู่เทียบที่มีความเป็นผู้นำ และดูแบบอย่างจากธนาคารระหว่างประเทศที่มีบทบาทในภูมิภาคในการขับเคลื่อนระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืน รับผิดชอบต่อสภาพภูมิอากาศ สุขภาพ สวัสดิภาพสัตว์ และการคุ้มครองธรรมชาติ ผ่านกรอบการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และการกำหนดเป้าหมายด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรม
“คลื่นลูกต่อไปของการเงินที่ยั่งยืนจะถูกกำหนดนิยาม ด้วยโภชนาการ ธรรมชาติ ความเมตตา และการปรับตัว”
บลาสแซคกล่าว “ธนาคารที่ลงมือก่อนจะสามารถลดความเสี่ยงเชิงระบบและปลดล็อกแหล่งคุณค่าใหม่ ๆ ได้”
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
รายงานฉบับนี้ครอบคลุมธนาคาร 24 แห่งในหกประเทศในเอเชีย ได้แก่

เกี่ยวกับ Asia Research & Engagement (ARE)
Asia Research & Engagement (ARE) ทำหน้าที่เชื่อมโยงนักลงทุนชั้นนำเข้าสู่เวทีการหารือกับบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย เพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และช่วยให้บริษัทปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ
ด้วยประสบการณ์ในเอเชียที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ และทีมงานที่มีความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้เราเข้าใจถึงบริบทและความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของภูมิภาค งานวิจัยอิสระคุณภาพสูง เครือข่ายนักลงทุนที่เข้มแข็ง และความเชี่ยวชาญด้านการสร้างการมีส่วนร่วม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยมอบข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้นำองค์กรและผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเงิน เพื่อนำไปสู่การลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรร
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการการเปลี่ยนผ่านโปรตีน (Protein Transition) ของ ARE ได้ที่นี่: https://asiareengage.com/protein-transition/
ติดต่อ:
Wani Diwarkar
wani.diwarkar@asiareengage.com
+65 9832 0643