สัมผัสแรกกับ “Samsung Galaxy S22 Series” เรือธงรุ่นท็อปใหม่พร้อมกับ S Pen ในตัว

สิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับแฟนคลับของ Samsung Galaxy S Series ในที่สุดรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2022 ได้เปิดตัวและชื่อของมันคือ Galaxy S22 Series ที่ประกอบไปด้วย 3 รุ่นทั้ง Galaxy S22, Galaxy S22+ และ Galaxy S22 Ultra มันจะมีความแตกต่างและความน่าใช้แค่ไหน ทีม Hitech จะพาคุณไปสัมผัสแรกกับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดนี้พร้อมกันครับ

สำหรับวันนี้จะเป็นบทความพรีวิวคร่าวๆ หลังจากที่พวกเราได้มีโอกาสสำผัสกับ Samsung Galaxy S22 Series ทั้ง 3 รุ่นในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ส่วนรีวิวฉบับเต็มกำลังจะตามมานะครับ…ตอนนี้พวกเรากำลังเร่งมือเขียนให้แฟนๆ ได้อ่านกัน

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล FHD+ (HDR10+) ขนาด 6.1 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ปรับได้ระหว่าง 10 – 120Hz ในแบบความละเอียด WQHD+ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 146 x 70.6 x 7.6 มม.   
  • น้ำหนัก 168 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2200 / Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (ประเทศไทยใช้ Qualcomm)
  • กราฟิก : Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 / 256GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.1,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล   
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + Dual Pixel AF, OIS, F1.8 มุมมอง 85 องศา
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 120 องศา
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า + สแกนนิ้วแบบ Optical   
  • แบตเตอรี่ความจุ 3700mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Pink Gold

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22+

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล FHD+ (HDR10+) ขนาด 6.6 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ปรับได้ระหว่าง 10 – 120Hz ในแบบความละเอียด WQHD+ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 157.4 x 75.8 x 7.6 มม.   
  • น้ำหนัก 196 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2200 / Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (ประเทศไทยใช้ Qualcomm)
  • กราฟิก : Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 / 256GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.1,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล  + Dual Pixel
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + Dual Pixel AF, OIS, F1.8 มุมมอง 85 องศา
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 120 องศา
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า + สแกนนิ้วแบบ Optical   
  • แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 45W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Pink Gold

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22 Ultra

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล WQHD+ (HDR10+) ขนาด 6.8 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz (1 – 120Hz) ในแบบความละเอียด WQHD+ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 163.3 x 77.9 x 8.9 มม.   
  • น้ำหนัก 229 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2200 / Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (ประเทศไทยใช้ Qualcomm)
  • กราฟิก : Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 / 256 / 512GB 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.1,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล   
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล + Dual Pixel + Laser Focus, LED Flash + OIS เปลี่ยนเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Tele 10x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล(Space Zoom 100x) F/4.9 
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง ToF (Time-of-Flight) สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น    
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า และ ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ   
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 45W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Burgundy

รูปลักษณ์ดีไซน์แรกเห็น

แรกเห็นของจริงของ Samsung Galaxy S22 Series ต้องบอกว่ามันจะคล้ายกับการนำงานดีไซน์ของ Galaxy S21 และ S21+ มาทำใหม่ในบางจุด ตัวเครื่องจะโค้งมนขึ้น และหน้าจอของเครื่องเล็กลงนิดหน่อยแต่แลกกับขอบหน้าจอชิดมากขึ้น โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีหน้าจอแตกต่างกันคือ

  • Samsung Galaxy S22 = 6.1 นิ้ว
  • Samsung Galaxy S22+ = 6.6 นิ้ว

ชนิดของ หน้าจอ Samsung Galaxy S22 Series จะมีการเพิ่ม Vision Booster เมื่อความสว่างเยอะขึ้นถึง 1,750 nits จะปรับให้สว่างที่เหมาะสม และถ้าออกข้างนอก มันจะดูรายละเอียดที่รูเรื่องกว่า พร้อมกับค่า Refresh Rate 120 Hz

ขอบตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S22 และ S22+ ยังคงความหนาเพราะหน้าจอของเครื่องคู่นี้เป็นแบบเรียบ และเป็นโครเมี่ยมที่สวยงามมาก ปุ่มกดจะอยู่ทางฝั่งขวา ประกอบด้วย Side Key (ปุ่มนี้สามารถเลือกได้ระหว่าง ปุ่มเปิด / ปิดเครื่อง หรือปลุกระบบคำสั่งเสียงเช่น Bixby ขึ้นมา และ กด 2 ครั้งสามารถสั่งเปิดกล้องได้) พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงมาให้


สเปกเมืองไทยอาจจะไม่มีขอบเสาอากาศที่ยื่นออกมารองรับ mmWave นะครับ

ส่วนบนของเครื่องจะมีการโชว์วัสดุความเงางามของเครื่องพร้อมกับไมโครโฟนป้องกันเสียงรบกวนให้รองรับการทำงานได้ดีมากขึ้น

ส่วนล่างมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ด, USB-C, ไมโครโฟน และลำโพงตัวเครื่อง

พลิกมาด้านหลังรอบนี้ Samsung Galaxy S22 และ S22+ เลือกใช้กระจกแบบ Gorilla Glass Victus+ ที่แข็งแรงทั้งด้านหน้าและหลังทำให้เวลาสัมผัสเครื่องจะไม่ดูก๊อกแก๊งอีกต่อไปและมีน้ำหนักประมาณหนึ่ง โดยการวางกล้องจะคล้ายกับ Galaxy S21 Series คือนำกล้องไปไว้ด้านบนชิดมุมพร้อมกรอบล้อมรอบที่สวยงามสีจะคล้ายกระจกแต่ความจริงมันจะออกแบบให้เข้มกว่านิดหน่อย

ด้วยน้ำหนักของเครื่องที่อยู่ในเกณฑ์กำลังเหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการนำมือถือเสปกเรือธงไปใช้งานทำให้คนที่เลือกมือถือตัวใหม่ของ Samsung นี้ทีมเห็นว่ามันหมาะกับการถืออยู่มากพอสมควร แต่ถ้าเป็น S22+ นั้นหนักขึ้นกว่าเดิมทำให้ถือแล้วมีความมั่นใจมากพอสมควร

สีสันของ Galaxy S22 และ S22+ มีให้เลือกทั้ง Phantom White ที่เรียบหรูดูแพง, Phantom Black, Green ที่ดูโทนเข็ม และ Pink Gold ที่มีความแตกต่างที่ผลิตยากโดยการใช้ Layer ทั้งหมด 2 ชั้นที่ดูดี

ส่วนพี่ใหญ่อย่าง Galaxy S22 Ultra นั้นจะแตกต่างจาก Galaxy S ที่ผ่านมาทั้งหมด คือดีไซน์จะเหลี่ยมสัน ทำให้คิดถึงว่ามันคือ Galaxy Note Series เลยก็ว่าได้ โดยหน้าจอมีขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ WQHD+ และมีกล้องหน้าอยู่ด้านบนความละเอียด 40 ล้านพิกเซล พร้อมกับปุ่มกดที่อยู่ด้านล่าง ขอบหน้าจอโค้งลงมาเล็กน้อย

ความแตกต่างของหน้าจอ Samsung Galaxy S22 Ultra แม้ว่าจะให้ความคล้ายกับ S22 และ S22+ ในเรื่องความสว่าง แต่ว่า Refresh Rate ของ Galaxy S22 Ultra จะเป็นแบบ Adaptive Display ที่ปรับเปลี่ยนไปตามโปรแกรมที่เครื่องต้องการใช้งาน ทำได้สูงสุด 120 Hz

รอบตัวเครื่องคล้ายกับ Galaxy S22 และ S22+ แต่ขอบเครื่องบางกว่าแบบเห็นได้ชัดและมีหน้าจอที่โค้งรับทั้งส่วนบนและล่างบรรจบกันรับดูลงตัวมากขึ้น ประกอบด้วย ฝั่งซ้ายไม่มีปุ่มอะไรเลย

ฝั่งขวาจะมีปุ่ม ประกอบด้วย Side Key (ปุ่มนี้สามารถเลือกได้ระหว่าง ปุ่มเปิด / ปิดเครื่อง หรือปลุกระบบคำสั่งเสียงเช่น Bixby ขึ้นมา และ กด 2 ครั้งสามารถสั่งเปิดกล้องได้) พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงมาให้

ส่วนบนของเครื่องจะมีการโชว์วัสดุความเงางามของเครื่องพร้อมกับไมโครโฟนป้องกันเสียงรบกวนให้รองรับการทำงานได้ดีมากขึ้น

ส่วนล่างมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ด, USB-C, ไมโครโฟน และลำโพงตัวเครื่อง แต่สำหรับรุ่น S22 Ultra จะมีช่องใส่ปากกามาให้เลือกใช้งาน


พลิกมาด้านหลังเครื่องจุดนี้แตกต่างจาก Galaxy S21 Ultra ไปเลย พื้นฐานการพัฒนาคล้ายกับ Note 20 Ultra แต่จะเปลี่ยน Layout กล้องใหม่หมด โดยกล้องจะวางแบบเป็นการวางแต่ละเลนส์แยกออกจากกัน ถ้าใครเป็นแฟน Samsung จะรู้ว่า กล้องแบบนี้ Samsung เคยใช้อยู่ใน Galaxy A32 นั่นเอง ผิวสัมผัสเป็นแบบ Matte Finish คือ ผิวด้านแต่ไม่มากให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม โดยสีสันของเครื่องจะมีให้เลือก ทั้ง สี Phantom White, Phantom Black, Phantom Green และ Burgundy

ข้อสังเกตคือกล้องลายออกแบบแบบนี้ต้องระวังเรื่องวัตถุมีคมและฝุ่นละอองอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

ประสิทธิภาพของเครื่อง / การเชื่อมต่อ

เบื้องหลังของขุมพลังของเครื่องเลือกใช้ขุมพลัง 4 นาโนเมตร ในรอบนี้เลือกใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยผ่าน Samsung Knox Vault ซึ่งเท่ากับการปลดป้องความข้อมูลในระดับ Level 4 และ Machine Learning เรียนรู้การทำงานได้เร็วกว่าเดิม 2 เท่าเมื่อเทียบกับ Galaxy S21 Series ทำให้การทำงานของเครื่องในภาพรวมเร็วขึ้น

ส่วนการเชื่อมต่อระหว่างของ Samsung Galaxy S22 Series จะใช้เทคโนโลยี Wi-Fi 6, Wi-Fi 6E ที่ความถี่ 6GHz กับประเทศที่เปิด และรองรับ 5G แถมยังมีการปรับการส่งข้อมูลให้เหมาะสม ผ่าน Samsung Intelligent  Software ทำให้ช่วยประหยัดพลังงาน และการส่งข้อมูลได้เหมาะสม ในการใช้งานของคุณแต่ละโปรแกรม โดยประหยัดไฟได้ 30%

ความจำของเครื่องนั้นแบ่งออกเป็น

  • Samsung Galaxy S22 และ S22+ ได้ RAM 8GB และความจำให้เลือกระหว่าง 128 – 256GB
  • Samsung Galaxy S22 Ultra จะได้ RAM 8GB ในความจำ 128GB และ RAM 12GB จะมาพร้อมกับความจำ 256GB / 512GB

สำหรับแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S22 จะให้ขนาด 4000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 25W ส่วน Galaxy S22+ ให้แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 45W

แต่ในรุ่น S22 Ultra รองรับการชาร์จไฟกำลัง 45W โดย Samsung เคลมว่าใช้งานได้นานถึง 2 วัน โดยเฉพาะรุ่น Galaxy S22 Ultra ที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh แต่ใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามต่อในรีวิวนะครับ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Galaxy S22 / S22+

 

Samsung Galaxy S22 Ultra จะมาพร้อมกับ OneUI 4.0 ครอบทับด้วย Android 12 ใหม่ล่าสสุดที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของ Samsung ได้และยังสามารถปรับแต่งได้ดีมากขึ้น โดยรายละเอียดของ One UI 4.0 สามารถกดอ่านต่อได้ที่นี่

นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ Google Duo ให้ภาพและการปรับแต่งภาพได้ทำให้คุยกับเพื่อนๆ แสดงผลภาพสวยได้ดั่งใจ และ มีฟีเจอร์ Link To Windows สามารถใช้งานลิงค์โปรแกรมแสดงผลหน้าจอได้ด้วย

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Galaxy S22 Ultra

จะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมจาก Galaxy S22 และ S22+ ดังนี้

S Pen

ปากกา S Pen ขงอเครื่องที่มีการติดตั้งภายในตัวเครื่องถือว่าเป็นครั้งแรก โดยแบตเตอรี่ยังคงมีขนาดเท่าเดิม แต่มีค่าความหน่วง (Latency) อยู่ที่ 2.8 ms. และมีการมี AI ทำให้วาดเส้นได้ดีและการพัฒนากับ Wacom ทำให้ปากกาและหน้าจอติดต่อสื่อสารได้เร็วขึ้นที่ 480 ms. และสามารถใช้งานได้รวดเร็วทันใจ และยังรองรับการสั่งงาน Gesture Control

Samsung Note

สามารถนำเนื้อหาบนเว็บไซต์สามารถไปใส่ใน Samsung Note ได้ทันที และยังสามารถใช้ Galaxy Tab S8 ในโปรแกรม Samsung Note เข้าช่วยแก้ไข (มือถือแสดงผลเครื่องมือ / Tablet ใช้วาดได้เลย)

ฟีเจอร์กล้องของ Samsung Galaxy S22 Series

ทางด้านกล้องของ Samsung Galaxy S22 Series จะมีฟีเจอร์พัฒนาจากเดิมคือความละเอียดของกล้องหลักทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม จากเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี Dual Pixel และยังมาพร้อมกับลูกเล่นครบ ครั้งนี้ในเมนูของ Samsung

 

จุดเด่นของ Galaxy S22 Ultra จะมาพร้อมกับ Adaptive Pixel Technology คือจะรวมพิกเซล 9 อันเป็น 1 อันทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและการรับแสงมากขึ้นกว่าเดิม และ 108 ล้านพิกเซลแบบปกติ ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างดี

เรียกได้ว่าเกือบเปลี่ยนหมด แต่มีการเพิ่มการประมวลผลทำได้ดีขึ้นเพราะมี NPU ใหม่ที่ทำงานได้ดมากขึ้นและเก็บภาพที่ดีมากขึ้น

  • ด้านวิดีโอสามารถใช้โปรแกรมอื่นทำให้ถ่ายวิดีโอได้สว่างเท่ากับโปรแกรมกล้องปกติ และยังมี การเพิ่มความสว่างผ่าน NPU ใหม่ที่จัดการเรื่อง Noise และความสว่าง และมีการถ่ายภาพแบบปรับเรื่องของการสว่างได้ดี และยังมีฟีเจอร์ Nona Binning ทำให้การเก็บแสงได้ดี
  • Auto Framing หากคุณถ่ายวิดีโอแล้วมีคนมานั่งมากขึ้นกล้องจะกว้างออกให้เองโดยอัตโนมัติและสามารถเลือกหน้าคนเพื่อให้ถ่ายแค่บุคคลนนั้นได้
  • นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มให้การถ่ายวิดีโอได้นิ่งมากขึ้นผ่านเทคโนโลยี VIDS และมีเทคโนโลยีของ 12-Bit RAW แบบวิดีโอได้

Nightography การถ่ายภาพกลางคืนจะเก็บรายละเอียดดีขึ้นเพราะมีการขยายพิกเซลให้ใหญ่ขึ้น ติดตั้งระบบ Dual Pixel เข้าไป และถ้ามีการถ่ายภาพกลางคืนจะมีการใช้ AI และ NPU เรียนรู้ในเรื่องของการภาพถ่ายที่สว่างมากขึ้นทำให้ภาพที่ออกมาถือเห็นทุกรายละเอียด และจัดการเฟรมผ่านเทคโนโลยี AI Multi-Frame ทำให้รายละเอียดที่ดี แม้จะถ่ายวิวกลางคืน หรือ Night Portrait Mode ได้อย่างดี

(ผลงานบางส่วนของ Galaxy S22 Ultra)

โหมดปกติ

Night Mode

โหมดปกติ

Night Mode (Max)

Portrait Mode มีฟีเจอร์ AI Stereo Depth Map จะเก็บรายละเอียออกมาแม้ว่าเรายืนติดตะขายก็จะมีการเก็บรายละเอียดข้างหลังได้ และเลือกแสง Studio ทิศอื่นได้ และเก็บการถ่ายภาพที่แสงน้อย แถมยังถ่ายวัตถุที่ไม่ใช่คนด้วย และเลือกเปลี่ยนฉากหลังได้ด้วย

Expert RAW คุณภาพจะสูงกว่า RAW โดยให้คุณภาพสูงและเก็บรายละเอียดทั้งดีเทลที่มืดและสว่างเก็บเข้าด้วยกันประมวลผลทำให้แสงที่ออกมาทำได้ดี และยังสามารถปรับได้หลายหลายส่วนทั้ง ISO, Shutter Speed, Focus การเพิ่มความสว่าง และยังเอา File นี้ไปแก้ไขใน Photoshop หรือ Lightroom ก็ได้เช่นเดียวกัน

 

การรักษาสิ่งแวดล้อม Samsung Galaxy S22 Series มีการออกแบบกล่องเก็บที่เล็กลง โดยมีการใช้พลาสติกในทะเลที่พบและมีการกลับมาผลิตใหม่และมารลดขนาดของ กล่องลงจาก Galaxy S21 ถึง 19% และทั้งหมดเป็นกระดาษ

สรุปหลังสัมผัส Samsung Galaxy S22 Series ทั้งหมด 3 รุ่น

ต้องบอกว่าในการเปลี่ยนแปลงของ Samsung Galaxy S22 Series เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว เหมือนกับการเป็นการนำรุ่นเดิมมาปรับปรุงใหม่ทั้งดีไซน์ให้สมดุลขึ้น ฟีเจอร์ในการใช้งานปรับปรุงแก้งานจากเดิม รวมถึงเรื่องกล้องที่จัดเต็มในและเพิ่มฟีเจอร์มากมาย รวมถึงการนำ Galaxy S22 Ultra ดึงแฟนๆ ของ Galaxy Note มากลับมาใช้รุ่นนี้อีกครั้ง

ส่วนราคาตอนนี้ขออุบไว้ก่อน จนกว่าจะ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 10:00 น. นี้

แต่ขอสรุปสั้นๆ กับมือถือใหม่รุ่นนี้ว่า มันคือการแก้การบ้านครั้งสำคัญของ Galaxy S เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มคนที่กว้างกว่าเดิม แต่มันจะตอบโจทย์ได้ดีแค่ไหน รอรับชมรีวิวตัวเต็ม เร็วๆ นี้ครับ